the menu

keiiek.com Talk : ถือโอกาสนี้บอกเธอ “ผมเป็นแฟนแมนยู”

ผมเชียร์มาตั้งแต่ยุค จอห์น อัลดริดจ์ จอนบาน รอนนี โรเซนธาล เลยนะจะบอกให้

ช่วงปีที่ผ่านได้กลับมามีเวลาให้กับชีวิตของตัวเองให้เข้ากับคอนเซปที่ได้ร่ำเรียนมาจากโรงเรียนสุภาพบุรุษ คือครบสามองค์ประกอบ ดนตรี กีฬา นารี

กลับมาได้ดูฟุตบอลโลกอีกครั้งแบบค่อนข้างเต็มอิ่ม ซึ่งด้วยการงานและหน้าที่ หลังปี 2002 ผมไม่ได้อินกับฟุตบอลเลย

แต่ด้วยความว่า ที่จริงเราก็ดูฟุตบอลเป็นกีฬาที่ให้ความเพลิดเพลิน อยากจะคุยเหมือนเป็นรุ่นใหญ่ว่าดูได้ทุกทีม เชียร์หลาย ๆ ทีมที่เล่นดี ดูสนุก ซึ่งโดยความจริงผมก็ดูไฮไลท์เกือบทุกทีมนะ (ไม่พูดถึงบอลไทยเนอะ) ช่วงนี้ชอบดูมิโตมะเล่น เพลินดี

และเมื่อกลับมาดูผ่าน true id ตั้งแต่ก่อน LaLisa จะมาเป็นพรีเซนเตอร์ ทางนั้นให้เลือกรับสิทธิ์ตามดูฟรีได้ 1 ทีม เท่านั้นละ เราต้องเลือกใช่ไหม

ช่วงนั้นฮาแลนด์เพิ่งมายิงกระจาย ใจก็ลังเลดูแมนซิ ดีไหม เหมือนพี่น้องกัลลาเกอร์ Oasis ที่แม่งยังไม่ยอมคืนดีกัน … I said maybe…

แต่ใจมันสั่งให้กดแมนยู เพราะอยากดูชานโซ่เล่น ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่มีวี่แววได้ลงเล่นเลย เอาวะดูแมคไกวไปก่อนก็ได้

พอกลับมาดูก็พบหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป ปณิธานที่ฟุตบอลตั้งมั่นมุ่งไปข้างหน้า เวลาเขี่ยต้องให้ฟุตบอลไปข้างหน้า 1 รอบวงฟุตบอกก่อน ค่อยส่งกลับหลังได้ ได้เปลี่ยนไปแล้ว เริ่มปุ๊บเขี่ยส่งหลังได้เลย เอาเรื่องเดียวก่อน

และเท่าที่ได้พบเห็นแฟนบอลรุ่นใหม่ ไม่เหมือนเพื่อน ๆ เราที่เรียนที่โตมากด้วยกัน แซวกันยังไง ก็ไม่จริงจังไร้สาระ ได้เสียค่าข้าวเอาสนุกเป็นอันจบไม่ทับถม เอาเป็นเอาตาย เม้นต์แบบ ปญอ.เหมือนเท่าที่เห็นผ่านตาเมื่อเร็ว ๆ นี้เลย

ถ้าให้เห็นภาพแซวกันแบบเพื่อน แบบเพจอีเจี๊ยบ

แบบคุณภาพต่ำแซวแบบเอามัน ก็ตาามเพจฟุตบอลเชียร์ต่างทีม (บางเพจบางกลุ่มนะ)

เลยถือโอกาสนี้ ตอนทีมแมนยูที่เชียร์ โดนถล่มแพ้มา เผื่อจะได้เพื่อนสาวที่เชียร์ทีมเดียวกัน ได้กอดคอ ซับน้ำตาในอก ด้วยกัน

ปล.ใครดู The MENU จบแล้วอยากกินชีสเบอร์เกอร์ตามด้วยนั้น เราคือเพื่อนกัน

the menu

user comment : เป็นหนังที่มีลูกเล่นสนุก อารมณ์ของหนังมันจะเหมือนรถไฟเหาะที่พาเราจนไปสุดทาง แม้มันจะไม่ใช่รสชาติที่กลมกล่อม แต่ก็เป็นรสชาติที่น่าลองทานดูสักครั้ง

The Menu (2022)
คู่รักคู่หนึ่ง มาร์โก (แอนยา เทย์เลอร์-จอย) และ ไทเลอร์ (นิโคลัส เฮาลต์) เดินไปทางไปที่เกาะแถบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกเฉียงเหนือ
เพื่อรับประทานอาหารในภัตรคารสุดพิเศษ “ฮอว์ธอร์น” โดยมีเชฟมากฝีกมือที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
เชฟจูเลียน สโลวิค (เรล์ฟ ไฟนส์) ทุ่มทุนตระเตรียมเมนูให้กับแขกพิเศษที่ได้รับเลือกเพียงไม่กี่คน
นอกจากพวกเขาแล้วยังมีสามหนุ่มจากบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง ไบร์ต (ร็อบ หยาง) โซเร็น (อาร์ทูโร แคสโตร) และเดฟ (มาร์ค เซนต์. ซีร์) คู่รักมหาเศรษฐี
ที่เคยเป็นลูกค้าของภัตรคารแห่งนี้แล้ว แอนน์ และ ริชาร์ด (จูดิธ ไลท์ และ รีด เบอร์นีย์) นักวิจารย์อาหารชื่อดัง
ลิเลียน บลูม (เจเน็ต แมคเทียร์) ร่วมด้วยบรรณาธิการผู้รับใช้เธอ เท็ด (พอล อเดลสไตน์) และนักแสดงวัยกลางคนชื่อดัง (จอห์น เลอกิซาโม)
กับผู้ช่วย เฟลิซิตี (เอมี่ คาร์เรโร่) ที่นี่มีทีมสตาฟฟ์ที่ทำงานได้อย่างดีเยี่ยมไม่มีขาดตกบกพร่องคอยบริการ นำทีมโดย เอลซ่า (หง โจว)
มื้ออาหารดำเนินไปอย่างเข้มข้นเมื่อแขกแต่ละโต๊ะเริ่มเปิดเผยความลับของตัวเองออกมา และคอร์สอาหารไม่คาดฝันที่ถูกจัดเสิร์ฟ
เมื่อสถานการณ์รุนแรงขึ้นจุดประสงค์ของสโลวิคก็ยิ่งชัดเจน และนั่นยิ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามของเขาในการสร้างสรรค์เมนูสุดปราณีต
ที่จะนำพาไปสู่จุดจบอันน่าตกตะลึง

Plot:

Expecting nothing less than the best of everything haute cuisine has to offer, a group of ultra-wealthy gastronomes with a demanding palate arrive at the Hawthorn: an exclusive culinary temple run by highly regarded gourmet chef Julian Slowik. And prepared for an exquisite multiple-course meal and the experience of a lifetime, obsessive epicurean Tyler and his unimpressed plus-one Margot enter the private minimalist restaurant. At last, the long wait is over. However, no one knows that the cryptic genius in the kitchen has big plans for tonight. After all, the imperious culinary artist has been stretching the boundaries of taste and fine dining for decades. Now, the host can finally unveil his magnum opus. But is the blasรฉ clientele ready for Julian’s creative madness? Written by Nick Riganas